ภาพรวมโครงการ
การศึกษาวิจัยธุรกิจซ่อมบำรุงรถยนต์ในครั้งนี้
เป็นการศึกษาวิจัยเชิงเปรียบเทียบเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพของธุรกิจอู่ซ่อมบำรุงรถยนต์
4 ล้อ โดยศึกษาในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี
อยุธยา ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา และสงขลา ซึ่งแยกการสำรวจเป็น
สำรวจผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ จำนวน
300 ราย
สำรวจผู้ใช้รถยนต์ จำนวน 700 ราย
การวิเคราะห์ด้านอุปสงค์และอุปทาน
การวิเคราะห์ด้านอุปสงค์
เป็นการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดบริการซ่อมบำรุงรถยนต์ 2 ด้าน คือ
วิเคราะห์จากจำนวนการจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น ของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ซึ่งพบว่า
ตั้งแต่ปี 2540 – 2545
มีอัตราการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 348,437 คัน โดยอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ประมาณ 10,232,286 คัน ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้บริการการศูนย์บริการ
ส่วนที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี
หรือรถที่มีการจดทะเบียนจนถึงปี 2541 จำนวนประมาณ 5,369,672 คัน จะถือว่าเป็นลูกค้าอู่ซ่อมรถยนต์
วิเคราะห์จากรถที่เข้าทำการซ่อมอย่างชัดเจน
คือรถที่มีการเสียหายจากอุบัติเหตุ จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากการพยากรณ์ทางสถิติพบว่าตั้งแต่ปี 2540-2545
จำนวนรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมีแนวโน้มลดลง ในอัตรา 353 คันต่อปี
ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด
ดังนั้นจำนวนรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุยังคงมีปริมาณสูง ซึ่งเป็นโอกาสของธุรกิจ
และมีแนวโน้มการตั้งอู่ซ่อมรถยนต์เพิ่มขึ้น ทำให้ในอนาคตอาจมีการแข่งขันกันมาก
โดยเฉพาะอู่ที่เป็นตัวถัง และ เคาะพ่นสี
แต่ส่งผลดีกับอู่ที่ติดต่อกับประกันภัยหรืออู่ที่ไม่ได้ติดต่อกับประกันภัยแต่มีบริการเสริม
เช่น การรับลากรถ บริการให้รถใช้ระหว่างซ่อมฯลฯ
การวิเคราะห์ด้านอุปทาน
เป็นการวิเคราะห์ตลาดบริการซ่อมบำรุงรถยนต์
โดยใช้ข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจที่จดทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี
2540-2545 ซึ่งพบว่า มีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ปีละ 333 อู่ และอีก10
ปีข้างหน้า(ปี 2555) จะมีอู่ซ่อมรถยนต์จำนวนประมาณ 10,281 อู่
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการให้บริการที่ไม่ครบวงจรเนื่องจากมีการลงทุนสูง
ทำให้อู่มีการเลือกให้บริการบางประเภท ทำให้ผู้ใช้บริการมีสะดวก
ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนของอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป
สำหรับในปัจจุบันธุรกิจนี้ถือว่าเป็นสภาวะที่มีการส่งเสริมและเอื้อต่อการเปิดกิจการ
ซึ่งจะเห็นจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น
ผลการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจซ่อมบำรุงรถยนต์
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้บริการ
พบว่านิยมนำรถไปซ่อมบำรุงที่ศูนย์บริการ เพราะมีความมั่นใจในคุณภาพและบริการ เฉลี่ยประมาณ 2-4 เดือนต่อครั้ง
โดยใช้บริการประเภทเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 300 –3,500
บาทต่อครั้ง ซึ่งผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ต้องการให้อู่ มีการปรับปรุงด้านคุณภาพของงานซ่อม
และต้องการให้ภาครัฐเข้ามากำกับดูแลด้านมาตรฐานการซ่อมและราคา
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจ
พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน
และต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนด้านการเงินมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านการตลาดและลูกค้า
ด้านกระบวนการภายใน และด้านบุคลากรและเทคโนโลยี
ผลการวิเคราะห์และแผนกลยุทธ์การส่งเสริมธุรกิจ
ผลการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน
โอกาสและอุปสรรค(SWOT Analysis)
จุดแข็ง
|
จุดอ่อน
|
ราคาถูก คุณภาพงานซ่อมดี บริการรวดเร็ว ทำเลที่ตั้งสะดวก ช่างฝีมือดี
|
ลูกค้าน้อย
เวลาซ่อมนาน ไม่มีชื่อเสียง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ไม่สามารถซ่อมงานบางประเภทได้
|
โอกาส
|
อุปสรรค
|
ราชการเลิกซ่อมเองโดยให้มีการจ้างอู่แทน
ดอกเบี้ยต่ำ
มีโอกาสขยายกิจการ
รัฐมีการส่งเสริมการประกันคุณภาพอู่
ปริมาณการใช้รถยนต์มีเพิ่มขึ้น
มีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบธุรกิจ
|
มีการแข่งขันสูง
รัฐมีการควบคุมพื้นที่ดำเนินกิจการ
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคมีความเข้มงวด
ปัญหาการจ่ายเงินของประกันภัย
ขาดการส่งเสริมจากภาครัฐ
|
ผลการวิเคราะห์ด้านความต้องการของผู้ประกอบการ
แยกเป็นความต้องการเพิ่มศักยภาพและการสนับสนุนจากภาครัฐ
ความต้องการเพิ่มศักยภาพ
|
การสนับสนุนจากภาครัฐ
|
ลดต้นทุนการดำเนินงาน
ปรับปรุงความรวดเร็วในการบริการ
สร้างมาตรฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
ส่งเสริมให้มีการฝึกทักษะ
และฝีมือช่าง
ขยายพื้นที่อู่เพื่อเพิ่มความสะดวก
|
ออกใบรับรองให้กับอู่ที่ได้รับมาตรฐาน
ประชาสัมพันธ์ข่าวสารอู่ที่มีคุณภาพ
จัดหาแหล่งเงินทุน
จัดหาที่ปรึกษาช่วยปรับปรุงวิธีการทำงาน
ส่งเสริมฝึกอบรมในด้านต่าง
ๆ
|
แผนกลยุทธ์การส่งเสริมธุรกิจซ่อมบำรุงรถยนต์
เป็นการจัดทำแผนกกลยุทธ์เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าต่อธุรกิจซ่อมบำรุงรถยนต์คือ
“การสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจซ่อมบำรุงรถยนต์
โดยมีมุมมองด้านการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยี
กระบวนการทำงานหรือการส่งเสริมเพื่อตอบสนองต่อผู้ประกอบการ
--------------------